สุพรรณบุรีนั้นนับเป็นอีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพที่ไปเช้าเย็นกลับได้แบบสบายๆเชียวค่ะ ขับรถแป๊บๆไม่ทันได้เหนื่อยก็ถึงแล้วบางทีขับไปย่านคับคั่งในกรุงเทพยังจะใช้เวลามากกว่าซะอีก ถ้าจะถามว่ามีที่เที่ยวอะไรน่าไปเจิมกันบ้าง บอกเลยว่าทั้งเยอะและครบเครื่องกว่าที่หลายๆคนคิดนะคะ จะแนวตลาด พิพิธภัณฑ์ แนวอนุรักษ์ชุมก็มา เรียกได้ว่าตอบโจทย์ได้หลากหลายสไตล์มากๆ จะเที่ยวแบบเดี่ยว แบบกลุ่ม หรือคู่รักมีเพลินกันยาวๆไปทั้งวันค่ะงานนี้
1. ตลาดสามชุก
ตลาดเก่าแก่ที่มีมาเป็นร้อยปีแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ทั้งเดินแวะหาของกินรายทางแถมยังจะได้ซึมซับบรรยากาศความเก่าแก่ของตึกแถวไม้ๆมันอินมากค่ะขอบอก จริงๆแล้วเค้าเปิดทุกวันนะคะแต่วันธรรมดาร้านค้าจะเปิดน้อยกว่าวันหยุดเยอะเลย ตลาดนี้มีอาหารทั้งคาวหวานให้เดินเลือกแวะชิมไปเรื่อยๆเต็มสองข้างทาง มีทั้งแบบร้านห้องแถวและรถเข็น ของขึ้นชื่อเค้าก็จะมี ขนมไทยไข่ปลาโบรานสูตรคุณอ้อ แนะนำว่าถ้าเดินมาเจอรีบซื้อด่วนๆไม่งั้นเดินมาอีกรอบอาจอดเอาได้นะเออ ข้าว 8 เซียน ห่อใบบัว ร้านยินดี ข้าวหอมมากๆ เครื่องก็จัดเต็ม เป็ดย่างเจ๊ตี๋อันนี้ก็ดีการันตีหลายรายการดังเพียบ และ นิสาลูกชิ้นยักษ์ มาร้านนี้ไม่ลองลูกชิ้นยักษ์ไม่ได้เด็ดๆ ของเค้าเนื้อเน้นๆเด้งสู้ปากมากมาย หนังท้องตึงกันแล้วก็สามารถเดินชมนั่นนี่ได้อีกเยอะนะคะ มีทั้งบ้านโค้ก และพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ มาที่นี่มีอะไรให้เราได้เดินชิล เดินชิม พร้อมแชะภาพกันรัวๆไปตลอดทางทีเดียวค่ะ
พิกัด : อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : วันจันทร์- ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น.
2. ตลาดร่มไม้ชายน้ำ วัดพระลอย
ตลาดแนววิถีชมชนติดริมน้ำ ตั้งอยู่ภายในวัดพระลอย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ตลาดเล็กๆที่คงเอกลักษณ์ชุมชนไว้อย่างเหนียวแน่น บรรยากาศดีงามติดริมแม่น้ำมีมุให้นั่งเยอะ คนไม่แน่นเท่าตลาดสามชุก ขนาดร้านค้าเค้ายังทำจากไม่ไผ่เพื่อให้แลดูกลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบๆ พ่อค้าแม่ค้าส่วนมากก็คนแถบนี้ทั้งนั้น ดังนั้นอาหารก็เน้นไปที่สไตล์ท้องถิ่น ที่สำคัญราคาเบาๆมีร้อยเดียวมีจุก อีกทั้งยังจะมีการแสดงโชว์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นมี่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ได้เพลินกันด้วยล่ะค่ะ
พิกัด : อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
3. ตลาดเก้าห้อง 100 ปี
ตลาดเก่าสไตล์โบราณริมแม่น้ำอายุ 100 กว่าปีสุดคลาสสิก ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ใครที่เลิฟการได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบคนแถบนี้จริงๆ บรรยากาศไม่ได้แออัดแน่นมาก ที่นี่ตอบโจทย์สุดๆ โดยจะเป็นตลาดมีหลังคาคลุมด้านบนนะคะ เดินสบายแม้ในวันแดดเจิดจ้า อาหารคาว หวาน ร้านชากาแฟก็จะเน้นการคงรูปแบบเดิมๆไว้มากที่สุด แนะนำให้มาลองขนมเปี๊ยะสูตรโบราณตั้งกุ้ยกี่ อันนี้ทีเด็ดขวัญใจคนท้องที่มายาวนานหลายสิบปี ชิ้นอย่างงี้ใหญ่ไส้แน่นไม่หวานเดินรสชาติพอดิบพอดีไปทุกสิ่ง ถ้าอยากดูวิวรอบๆก็สามารถขึ้นไปชมได้ที่หอดูโจร อันนี้ก็มีประวัติยาวนานไม่แพ้ตัวตลาด เนื่องจากเมื่อก่อนโน้นมีเสือมีโจรชุกชุม เพื่อเป็นการป้องกันตัว เค้าเลยมีการสร้างหอเอาไว้ดูว่าโจรจะเข้ามาในหมู่บ้านรึเปล่า ซึ่งก็เป็นอะไรที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆนะคะแปลกตามากทีเดียว เลือกกิน เลือกช็อปเสร็จอยากรู้ประวัติเพิ่มก็เติมความรู้ได้ที่พิพิธภัณฑ์ตลาดเก้าห้องได้อีกด้วย นับว่าเป็นตลาดเล็กๆของขายแม้ไม่เยอะมากแต่ก็หลากหลายครบครัน ที่สำคัญมีเสน่ห์ของวัฒธนธรรมที่ผสมผสานระหว่างไทยและจีนได้อย่างละมุนละไมมากมาย
พิกัด : เขตเทศบาลตำบลบางปลาม้า หมู่ที่ 2 อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 – 16:00 น.
4. หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย (บ้านควายสุพรรณบุรี)
หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย หรือที่มีอีกชื่อเรียกว่า “บ้านควายสุพรรณบุรี” ตั้งอยู่ติดถนนทางหลวงหมายเลข 340 อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เรื่องควายๆต้องยกให้เค้าล่ะค่ะ เพราะเค้ารู้ลึกรู้จริงมาแล้วรับรองว่าคุณจะรักความไทยมากกว่าที่เคยแน่ๆ ถ้ามีเวลาเยอะๆอยากหากิจกรรมสนุกๆแฝงความเป็นไทยมาที่บ้านควายแห่งนี้อย่างเริ่ด ด้วยความที่พื้นที่มากมากถึงกว่า 70 ไร่ จึงมีการแบ่งออกเป็นหลายๆโซนเพื่อให้ได้เดินกันไม่มีเบื่อ หลักๆแล้วมาที่นี่ก็ต้องอยากเห็นน้องควายกันใช่มั้ยคะ โดยที่นี่ไม่ได้แค่เห็นผ่านนะเออเพราะเค้ามีการแสดงความแสนรู้น่ารักๆให้ได้ดูกันด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าชมได้เรียบรู้พร้อมสนุกไปกับวิถีชีวิตคนไทยแบบดั้งเดิมทั้งการทำนาโดยยังใช้ควายเป็นแรงงานหลัก หรือจะเป็นโซนต่างๆที่จัดทำได้อย่างน่าสนใจไม่ว่าจะเป็น บ้านเรือนไทยจำลอง คอกควายที่มีมากกว่า 40 ตัว สวนสมุนไพร พิพิธภัณฑ์ชาวนา สวนผีเสื้อนานาพันธุ์ และสวนกล้วยไม้ เรียกได้ว่ามาแล้วเพลินกันไปทั้งวัน
พิกัด : ถนนทางหลวงหมายเลข 340 อำเภอ ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9:00 – 18:00 น.
รอบการแสดง วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11:00 – 11:30 น. และเวลา 15:00 – 15:30 น.
รอบการแสดง วันเสาร์- อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 11:00 – 12:00 น., 14:30 – 15:30 น.และ 16:00 – 17:30 น.
5. บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ บึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มีโซนอุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของภาคกลาง ตั้งอยู่อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร เอาจริงๆก็ไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่นะคะ ขับรถแป๊บๆก็ถึงแล้วล่ะค่ะ มาที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ได้ดูสัตว์น้ำ ปลาน้ำจืด ปลาน้ำเค็มเท่านั้นนะคะ เพราะเค้ายังมีให้ชมอีกหลายโซนทั้งสวนสัตว์นานาชนิด และอุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ ใครที่อยากได้ความตื่นเต้นเบาๆก็สามารถชมการแสดงให้อาหารปลาฉลามได้ด้วย ซึ่งตรงนี้เค้าจะมีให้ดูกันทุกวัน วันละ 1 รอบ เวลาประมาณ 14:00 น. ถ้ารักน้ำ รักปลา ไม่มาบึงฉวากไม่ได้เชียวล่ะตัวเทอ
พิกัด : อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8:30 – 16:30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น.
6. อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง
อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง หรือที่หลายๆคนพร้อมใจกันยกให้เป็น ปางอุ๋งแห่งเมืองสุพรรณ ตั้งอยู่ภายในอำเภอ ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มาแรงแซงทุกโค้งของที่นี่ก็ว่าได้ค่ะ แถมยังให้อารมณ์เหมือนปางอุ๋งของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเบาๆด้วยนะคะ แม้ว่าอ่างเก็บน้ำจะไม่ได้ใหญ่โตอลังการหากก็มีขนดกำลังดี บวกเข้ากับวิวทิวทัศน์ป่าเขาที่อัดแน่นรายล้อมยิ่งทวีความฟินเป็นสิบเท่า อีกทั้งอากาศแถวนี้เค้าจะเย็นสบายทั้งปีนะคะ โดยเฉพาะหน้าหนาวนี่แอบหนาวเบาๆ จุดถ่ายรูปเค้าเยอะพอตัวเรียกได้ว่าถ่ายจุดไหนยอดไลท์พุ่งกระฉูด อยากจะแค่มาแวะเที่ยวแป๊บๆหรือติดใจอยากค้างซักคืนนี่ก็ได้เลย เนื่องจากเค้าจะมีจุดให้กางเต็นท์และบ้านบนแพเล็กๆให้ได้อินกันยาวๆด้วยล่ะค่ะ
พิกัด : ใกล้กับวัดพุน้ำร้อน อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 6:00 – 18:00 น.
7. กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลม
ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำสุพรรณ ตั้งอยู่ในแถบตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณ โดยบ้านเรือนของที่นี่เค้าจะเป็นลักษณะเรือนไทยติดริมน้ำทองยาวไปทั้งสองชายฝั่ง ทำให้เราได้สัมผัสใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวบ้านแบบจริงๆจังๆ ที่เมื่อก่อนที่ทุกอย่างต้องสอดคล้องไปกับสายน้ำมันทุกสิ่ง ประหนึ่งได้ย้อนเวลากลับไปซักร้อยปี มีทั้งกิจกรรมการล่องเรือชมความงดงามริมฝั่ง พร้อมตามรอยเสด็จประพาสต้นรัชกาลที่ 5 ย้อนรอยนิราศสุพรรณ สุนทรภู่ พร้อมกิจกรรมสาธิตการทำขนมโบราณต่างๆที่ให้ทั้งลองทำลองชิมเรียกได้ว่าได้อิ่มกันไปตามๆกัน ยิ่งมาช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปียังจะได้ชมประเพณีไทยโบราณที่หาชมได้ยากมากๆอย่างการชักพระเล่นเพลงตักบาตรกลางน้ำอีกต่างหาก พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยค่ะว่าเป็นชุมชนต้นแบบทางวัฒนธรรมที่ไม่ควรมองข้ามไปเลยจริงๆ
พิกัด : ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณ
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 – 18:00 น.
8. สวนอินทผาลัม
สวนอินทผาลัม ตั้งอยู่ริมถนนสาย สุพรรณ – ชัยนาท อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี บางคนเคยกินแต่อินทผาลัมแบบอบแห้งแต่ไม่เคยเห็นต้นเป็นซักที มาที่นี่สมหวังแน่นอนค่ะ เพราะเค้ามีพื้นที่กว่า 200 ไร่ ได้เห็นทั้งต้นทั้งผลแบบสดๆกันอย่างจุใจแน่นอน ช่วงที่พีคสุดคงจะเป็นตั้งแต่ปลายเดือนจนถึงกลางเดือนกรกฏาคม ที่จะออกผลให้ได้เลือกชิมเลือกช็อปกลับบ้านกันเพียบ มีสิ่งหนึ่งอยากให้ลองสุดๆก็คือ น้ำอินทผาลัมปั่น มันดีงามมากมาย แถมคุณค่าทางอาหารอย่างแน่น แล้วถ้าติดใจอยากมีไว้ที่บ้านซักต้นเค้าก็มีค้นกล้าไว้จำหน่ายให้ได้ซื้อกลับไปปลูกรอกินผลกันด้วย
พิกัด : ริมถนนสาย สุพรรณ – ชัยนาท อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น.
9. สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค
สวนหินจากธรรมชาติแท้ๆที่มีอายุนับหมื่นล้านปี ตั้งอยู่ภายในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี สายผจญภัยรักการท้าทายชอบแนวเดินป่ามาทางนี้ด่วนๆ เพราะที่นี่เค้าจะมีเส้นทางเดินป่าสำรวจธรรมชาติทั้งหมด 3 เส้นทางด้วยกัน โดยแบ่งตามระยะทางใกล้ไกล เส้นทางเดินไม่ยากแต่ให้ชัวร์ควรใส่รองเท้าผ้าใบมาจะดีสุดค่ะ ตลอดเส้นทางมีนั่นนี่โน้นให้ได้ชมกันตลอดๆไม่ว่าจะเป็น หินรูปลักษณ์เก๋ๆ ต้นไม้นานาพันธุ์ที่แสนจะร่มรื่น ป่าปรงพันธุ์ไม้ที่มีอายุยาวนานเป็นพันปี ถ้ำหลวงพ่อปู่ใหญ่ หินตั้ง หินประตูเมืองลับแล และจุดชมวิวมุมสูงของเมืองอู่ทอง มาที่นี่ทั้งได้เที่ยว ผจญภัยเบาๆ แถมยังได้รับความรู้ต่างๆจากเหล่ามัคกุเทศก์ที่จะคอยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆกันอย่างเต็มที่ บอกเลยว่าคุ้มค่าการมาอย่างที่สุด
พิกัด : เส้นทางไปสำนักสงฆ์พุหางนาค อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 6:00 – 18:00 น.
10. สวนสวรรค์สุพรรณบุรี
สวนสวรรค์ของดอกไม้นานาพันธุ์ ตั้งอยู่ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ไม่ได้มีแต่ต่างประเทศเท่านั้นนะคะที่เราจะสามารถหาชมดอกไม้ได้ตลอดทั้งปี เพราะที่สวนพื้นที่หลายร้อยไร่แห่งนี้เค้าก็จัดหนักจัดเต็มดอกไม้นานาพันธุ์มาให้เราได้สัมผัสความงดงามของดอกไม้ทั้งสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็น 1-31 มกราคม เทศกาลดอกไม้เมืองหนาว 1-29 กุมภาพันธ์ กุมภาสัญญารัก ดอกกุหลาบ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม กระบองเพชร ดอกไม้แห่งทะเลทราย 1- 30 มิถุนายน ดอกบัวในสวนสวรรค์ 1 กรกฏาคม – 31 สิงหาคม ทุ่งดอกกระเจียวสื่อรักวันแม่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม สับปะรดสีแฟนซี 1-30 พฤศจิกายน งานเบญจมาศบาน 1-15 ธันวาคม ทุ่งทานตะวัน วันพ่อ และ16-30 ธันวาคม ดอกทิวลิปบาน เรียกได้ว่ามาช่วงไหนก็ไม่มีผิดหวังฟินกันไปตลอดทั้งปีเลยทีเดียวค่ะ
พิกัด : ถนนในหมู่บ้านหนองโคก อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น.
11. ยอดเขาเทวดา อุทยานแห่งชาติพุเตย
อุทยานแห่งชาติพุเตย ตั้งอยู่ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี สายลุยที่รักธรรมชาติจับจิตต้องลองมาพิชิตยอดเขาเทวดาของอุทยานของที่นี่ดูค่ะรับรองว่าฟินที่แพ้ที่เค้าฮิตๆกันเลย พื้นที่ของอุยานนั้นครอบคลุมกว้างๆไปตั้งแต่พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าองค์พระ ป่าเขาพุระกำ และป่าเขาห้วยพลู เรียกได้ว่าได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์พร้อมสายลม สองเรากันได้อย่างอิ่มเอม ยิ่งช่วงฟ้าเป็นใจอาจจะได้ชมทะเลหมอกจางๆยามเช้าให้ได้ชุ่มชื่นหัวใจ ที่นี่เหมาะอย่างแรงสำหรับขาลุยที่ชอบเดินป่าผ่าทุกด้านเพื่อขึ้นไปยอดเขานอนเต็นท์มองดาวยามค่ำคืนที่ไม่สามารถเห็นได้ยามอยู่เมืองใหญ่ แม้จะดูดิบๆแต่บริเวณจุดกางเต็นท์ก็มีห้องน้ำคอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายห้องนะคะ ถ้าไม่สะดวกค้างมาเช้าๆเดินเท้าขึ้นเขาก็ฟินแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าใจนึงก็อยากเที่ยวป่าอีกใจนึงก็อยากทุ่นแรงเดินเท้าไม่น่าไหวสบายใจได้ค่ะ เพราะเราสามารถขับรถเข้าไปได้สบายๆชอบธรรมชาติเข้าเส้นไม่ต้องไปไหนไกลสุพรรณนี่แหล่ะค่ะทั้งสวยทั้งใกล้ไม่ต้องเดินทางไกลๆให้เหนื่อย
พิกัด : อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 7:00 – 18:00 น.
12. อุทยานมังกรสวรรค์
อุทยานมังกรสวรรค์ หรือที่คุ้นเคยกันอีกชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร” ตั้งอยู่ภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไทยจีนได้อย่างลงตัวเชียวค่ะ หาไม่ยากเลยเพราะเห็นมังกรทองยักษ์ปุ๊บรู้ได้เลยว่าถึงแล้วแน่ๆ ซึ่งมังกรทองนี้เค้าก็มีการออกแบบได้อย่างทุกต้องตามความเชื่อของชาวจีนเป๊ะๆเลยนะคะ ในส่วนด้านในจะมีการจัดแสดงเรื่องราวต่างๆของชาวจีนเริ่มตั้งแต่ ประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่สมัยตำนานการสร้างโลกยุคแรกเริ่มทางประวัติศาสตร์ ลำดับราชวงศ์ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงราชวงศ์สุดท้าย รวมไปถึงประวัติความเป็นมาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งรูปแบบการนำเสนอไม่มีเบื่อด้วยการที่เค้าทำมาในรูปแบบภาพยนตร์สั้นกระชับ ดูแป๊บเดียวเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ง่ายๆ ไม่เพียงเท่านี้นะคะเค้ายังจะมีอะไรน่าสนใจให้ดูอีกเพียบ อย่างรูปปั้นจำลองบุคคลสำคัญของจีน สถาปัตยกรรมสไตล์จีน หมู่บ้านมังกรสวรรค์ และยังสามารถเดินอีกนิดไปชมอุทยานพุทธบัญชา หรือที่เรารู้จักกันว่า พระยูไลได้อีกด้วย
พิกัด : อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : จังจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10:00 -16:00 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
13. เขื่อนกระเสียว
เขื่อนกระเสียว ตั้งอยู่ภายในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เขื่อนนี้ได้ชื่อว่าเป็นทะเลแห่งสุพรรณเลยนะคะ ด้วยความที่ช่วงน้ำลดทำให้มีหาดทรายให้เห็นจนคล้ายทะเลมากๆนั่นเองค่ะ ช่วงร้อนๆนี่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามคนอย่างเยอะ ถ้าหิวก็ไม่ต้องกลัวอดเพราะมีร้านขายอาหารเพียบ ห้องน้ำก็มี เครื่องเล่นหรือที่เช่าอุปกรณ์เล่นน้ำก็มา ขออย่างเดียวหากมีแพลนจะมีเช็คดีๆนะคะว่าวันนั้นน้ำลงหาดทรายโผล่รึเปล่าไม่อย่างอดเที่ยวนะเออ หรือถ้าไม่ได้อยากมาเล่นน้ำอะไรก็สามารถมาชมวิวทิวทัศน์สวยๆของเขื่อนได้ตลอดๆเลยค่ะ
พิกัด : ใกล้กับวัดหนองพลับเจริญธรรม อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ช่วงเวลาเหมาะแก่การเข้าชมมากที่สุดประมาณ 7:00 – 17:00 น.
14. พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ
พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ภายในวัดเขาทำเทียม อำเภออู่ท่อง จังหวัดสุพรรณบุรี เรียกได้ว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีความงดงามมากที่แห่งนึงของไทยเลยก็ว่าได้ โดยจะเป็นพระพุทธรูป ปางโปรดพุทธมารดา ซึ่งมีลักษณะในอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิจีบนิ้วพระหัตถ์ บางแบบงอนิ้วพระหัตถ์ มีความสูง 108 เมตร ฐานกว้าง 88 เมตร และหน้าตักกว้าง 65 เมตร เดิมที่บริเวณนี้เคยเป็นเขตสัมปทานระเบิดภูเขาทำโรงโม่หินหลังจากเลิกทำก็ปล่อยล้าง จนกระทั่งภายหลังพระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลย์วรวิหาร ท่านได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่รกร้างให้เป็นประโยชน์เพื่อคนท้องถิ่น จึงได้มีการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักบริเวณหน้าผามาในที่สุด ไม่เพียงแค่จะได้เห็นความงามของพระพุทธรูปนะคะรอบๆบริเวณหน้าผายังจะมีภาพแกะสลักเรื่องราวสำคัญทางพระพุทธศาสนาให้เราได้ดูได้ชมและได้ความรู้กันอีกด้วยล่ะค่ะ
พิกัด : เขตโบราณสถานเมืองอู่ทอง บริเวณวัดเขาทำเทียม อำเภออู่ท่อง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ช่วงเวลาเหมาะแก่การเข้าชมมากที่สุดประมาณ 7:00 – 17:00 น.
15. บึงระหาร
บึงระหาร ตั้งอยู่ภายในอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี นับเป็นจุดชมวิวช่วงเช้าและเย็นที่สวยมากๆ โดยบึงแห่งนี้นั้นเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่เราสามารถเห็นวิถีชีวิตคนท้องถิ่นในแถบนี้ได้ รอบๆมีทุ่งนาสวยๆให้ได้รับลมกันชิลๆ ช่วงเย็นๆหรือเย็นนี่ได้มานั่งพักผ่อนคลายอารมณ์พร้อมชมพระอาทิตย์แสงสวยมาก อีกทั้งยังเป็นจุดถ่ายรูปวิวธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกถึงความชนบทที่สงบเงียบและถ่ายรูปสวยมากๆอีกต่างหาก
พิกัด : ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 34 กิโลเมตร ใกล้ตลาดสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ช่วงเวลาเหมาะแก่การเข้าชมมากที่สุดประมาณ 7:00 – 17:00 น.
16. วัดป่าเลไลยก์
วัดป่าเลไลยก์ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี วัดป่าแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่เมืองสุพรรณบุรีรุ่งเรือง อีกทั้งยังเคย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จธุดงค์มาพบสมัยยังผนวชอยู่ โดยตัววัดบอกเลยว่ามีความเก่าแก่อย่างมากหากนับตั้งแต่สร้างมาก็มีอายุเป็นพันปีแล้วล่ะค่ะ เพียงแต่ด้วยกาลเวลาที่ยาวนานอาจจะทำให้เสื่อมโทรมไปบ้างภายหลังตามพงศาวดารเหนือได้กล่าวถึงการที่พระเจ้ากาแตทรงให้มอญน้อยมาบูรณะวัดป่าเลไลยก์และจากนั้นก็มีการดูแลรักษาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ภายในวิหาร จะมีหลวงพ่อโตที่มีความสูง 23.46 เมตร รอบองค์ 11.20 เมตร ประดิษฐาน ถือว่ามีขนาดใหญ่เอาเรื่องเชียวค่ะ ความพิเศษยังไม่หมดแค่ความใหญ่นะคะ เนื่องจากด้านในพระพุทธรูปยังมีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์อีกด้วย เรื่องชื่อของวัดอาจจะคุ้นๆหูกันอยู่ใช่มั้ยเอ่ย ใช่แล้วล่ะค่ะเพราะได้ปรากฏชื่อในวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วบวชเณร นั่งเอง แล้วถ้ามามาสัมผัสช่วงที่คึกคักมากที่สุดแนะนำให้มาช่วงที่มีงานเทศกาลสมโภชและนมัสการหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ ปีละ 2 ครั้ง คือ ในวันขึ้น 5-9 ค่ำ เดือน 5 และเดือน 12 รับรองเลยว่าจะต้องเป็นประการณ์ดีๆที่ลืมไม่ลงแน่ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งน่าสนใจให้ได้ดูได้ชมเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ภาพเขียนเรื่องราว ขุนช้าง-ขุนแผนบริเวณวิหารหลวงพ่อโต เรือนขุนช้าง และตลาดต้องชม เรียกว่าเป็นวัดที่เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของคนในแถบนี้ ที่ถ้าได้มากราบขอพรต่างๆก็น่าจะนำมาซึ่งความสุขสบายใจไม่ใช่น้อย
พิกัด : ถนนมาลัยแมน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 6:00 – 18:00 น.
17. รอยพระพุทธบาท วัดเขาดีสลัก
รอยพระพุทธบาท ตั้งอยู่ภายในวัดเขาดีสลัก อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ใครที่อยากเที่ยววัดที่มีบรรยากาศธรรมชาติแน่นๆเงียบสงบลองมาดูซักครั้งจะติดใจ เพราะตัววัดนั้นตั้งอยู่บริเวณบนเทือกเขา อยากชมวิวนี่ก็สบายค่ะวิวที่นี่ดีงามมาก ไฮไลท์ของวัดนี้ก็ต้องยกให้รอยพระพุทธบานี่แหล่ะค่ะ โดยรอยพระพุทธบาทแห่งนี้นั้นสร้างด้วยหินทรายแดง มีลักษณะแตกต่างจากรอยพระพุทธบาทที่พบตามที่อื่นๆหลายส่วนด้วยกัน คาดกันว่าเป็นศิลปะสมัยทวาราวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-16 ยังไม่หมดนะคะเพราะยังมีพระพุทธรูปและโบราณวัตถุต่าง ๆที่ถูกค้นพบในบริเวณโพรงหินในวัด ซึ่งจุดนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุเรียบร้อย นับว่าเป็นวัดที่มาแล้วจิตใจสงบ ธรรมชาติงดงาม พร้อมทั้งยังได้นมัสการรอยพระพุทธบาทให้เป็นสิริมงคลในเวลาเดียวกัน
พิกัด : วัดเขาดีสลัก อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 6:00 – 18:00 น.