ลิ้มรสขนมหวาน ณ พิพิธภัณฑ์ขนมไทย พร้อมสัมผัสวิถีแห่งวัฒนธรรมโบราณย้อนยุค

Photo from https://www.thailandtourismdirectory.go.th/

เที่ยวอัมพวาทั้งที อย่าเพิ่งคิดว่ามีดีแค่ที่ตลาดน้ำเท่านั้นนะคะ เพราะพิพิธภัณฑ์ขนมไทย จังหวัดสมุทรสงคราม ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่สายเที่ยวที่ชอบเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนตลอดจนวัฒนธรรมต่างๆ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้จัดรวบรวมเรื่องราวและขนเอากองทัพขนมหวานไทยหลากหลายชนิดที่จะทำให้คุณละลานตาและตื่นเต้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาให้ทุกคนได้เรียนรู้ ไปพร้อมๆ กับลองลิ้มชิมรส บอกเลยว่าเป็นสถานที่ที่น่าประทับใจชนิดที่ใครคาดไม่ถึงว่าจะมีแบบนี้อยู่ในเมืองไทยเราเลยนั่นเอง

ขนมไทยสีสันสะดุดตา รสชาติสะดุดใจ

นอกจากอาหารไทยที่อร่อยติดอันดับโลกแล้ว ขนมไทยก็มีเอกลักษณ์และรสชาติที่หาทานที่ไหนไม่ได้เช่นกัน โดยพิพิธภัณฑ์ขนมไทย จะตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารอเนกประสงค์เทศบาลตำบลอัมพวา ใกล้กับตลาดน้ำอัมพวา เดินทางง่ายใกล้นิดเดียว บรรยากาศแรกที่เข้ามาถึง คุณจะได้เห็นเรือนไทยสีน้ำตาลที่สาดแสงตัดกับพระอาทิตย์ ดูสง่าและทำให้นึกถึงละครย้อนยุคที่เป็นเรือนของชนชั้นสูง

ขณะที่บริเวณโดยรอบล้วนเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ สร้างความร่มรื่น และเติมเต็มเรื่องราวในอดีตได้อย่างครบถ้วน เมื่อขึ้นไปยังชั้นสองก็ต้องสะดุดตากับขนมหวานหลายชนิด สีสันน่ารับประทาน โดยมีทั้งสีเขียว สีแดง สีชมพู สีฟ้า หลากหลายสีเต็มไปหมด ซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นมาคล้ายกับขนมไทยของจริงมาก จนอยากจะเอามือหยิบกินตรงนั้นเลยซะทีเดียว แต่ทำได้เพียงแค่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก๋ๆ เสร็จแล้วก็เตรียมเข้าไปตะลุยขนมไทยตามยุคสมัยต่อไป

ละเลียดลิ้นชิมรส ขนมไทยสมัยสุโขทัยและอยุธยา

เริ่มกันที่สมัยสุโขทัย กับบรรยากาศที่ภายในตกแต่งตามยุคสมัยนั้น โดยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นโบราณ ซึ่งมีขนมไทยมากมายที่เกิดขึ้นในยุคนี้ ทั้งลอดช่องไทย บัวลอย ข้าวตอก และอื่นๆ มากมาย ซึ่งในยุคสมัยนี้กะทิ ถือเป็นพระเอกสำคัญ ที่จะช่วยชูรสชาติขนมไทยให้หวานละมุนและรสชาติดีเยี่ยม เดินถัดไปอีกหน่อยจะเจอกับสมัยอยุธยา ที่รวบรวมเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญไว้อย่างมากมาย ในยุคนี้จะเห็นได้ว่ามีขนมหวานของโปรดของหลายคนอยู่ ทั้งทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทอง เป็นต้น

เป็นยุคที่หลายคนน่าจะเคยเห็นกันดีในละครอย่างบุพเพสันนิวาส เพราะสมัยนั้นก็มีชาวต่างชาติเข้ามาทำการค้าในประเทศไทยอย่างมาก โดยมีชาวโปรตุเกสเข้ามาเผยแพร่วัฒนธรรมทางขนมที่ถือเป็นจุดเปลี่ยน เพราะมีตัวละครชื่อท้าวทองกีบม้า เป็นสตรีเชื้อสายโปรตุเกสและเป็นหัวหน้าห้องต้นเครื่องราชสำนัก ได้คิดค้นและทำขนมที่ได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกสเข้ามาผสมผสาน จนเกิดเป็นขนมหวานสีทอง หน้าตาน่ารับประทาน อย่างฝอยทอง และทองหยิบ เป็นต้น

ขนมไทยยุคกรุงรัตนโกสินทร์ สวยงามเพลินตา และคุ้นเคย

ถัดไปไม่ไกล คุณจะสะดุดตาไปกับการตกแต่งที่ดูเพลิดเพลิน และบรรยากาศที่คุ้นเคยอย่างดี อย่างยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ชาวบ้านอัมพวา รวมถึงหลายๆ คนน่าจะชอบยุคนี้ เพราะมีขนมที่ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กมากมาย อีกทั้งบรรยากาศตลาดน้ำก็มีเรือขายสินค้าให้คุณได้ถ่ายรูปเก๋ๆ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตชาวอัมพวาในสมัยนี้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้ทุกคนเห็นถึงจุดเริ่มต้นของตลาดน้ำอัมพวา ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะในสมัยนั้นเมืองอัมพวาถือว่าขึ้นชื่อในเรื่องของขนมไทย ทำให้ปัจจุบันตลาดน้ำอัมพวามีขนมไทยหายากให้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย

นอกจากขนมไทยในอดีตแล้ว ยังมีขนมไทยในปัจจุบันให้ทุกคนได้ชมอีกด้วย โดยมีหลายคนที่ชอบทานขนมจากต่างชาติ แต่หารู้ไม่ว่าขนมไทยนี่แหละที่อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งขนมไทยในปัจจุบันก็มีทั้งขนมโหล ขนมแห้ง ขนมถาด และซุ้มน้ำแข็งไส ที่เห็นแล้วอยากเข้าไปสั่งทานสักหนึ่งถ้วยเพื่อดับกระหาย บริเวณรอบๆ ยังมีร้านค้าขนมไทยที่ชวนให้ระลึกถึงอดีต ทั้งรถเข็นที่ขายขนมหลากหลายหรือตะกร้าหาบเร่ที่มีพ่อค้าแม่ขายในสมัยก่อนใช้ขายขนมกัน นอกจากนี้ ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมายหลายจุด เรียกได้ว่าใครที่ผ่านมาอัมพวา แวะมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบเหมือนกัน

และนี่ก็คือ สถานที่แห่งการเรียนรู้และการอนุรักษ์ขนมไทย ที่ถ่ายทอดเรื่องราวพร้อมสะท้อนวิถีแห่งวัฒนธรรมอันดีที่คุณควรเข้ามาสัมผัสครั้งในชีวิต เดินตลาดน้ำอัมพวาเสร็จ แวะมาที่พิพิธภัณฑ์ ชมความงดงามของศิลปะและขนมไทยแบบเพลินๆ จะถ่ายรูปก็มีมุมชิคๆ มากมาย แต่ขอเตือนไว้ก่อน หากเดินเสร็จ คุณอาจจะหิวของหวานอีกรอบ!

- สถานที่ปัจจุบัน - สถานที่แนะนำ - สถานที่อื่นๆ