อุทยานประวัติศาสตร์ อยุธยา Ayutthaya Historical Park
อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา เป็นมรดกโลกบนพื้นที่ 3,000 ไร่ ประกอบไปด้วยวัดโบราณที่ยังคงมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่กว่า 10 วัด เช่น วิหารมงคลบพิตร วัดพนัญเชิง ซากโบราณสถานกว่า 365 แห่ง เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดไชยวัฒนาราม
พระนครศรีอยุธยาเริ่มต้นขึ้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนาพระนครศรีอยุธยาขึ้นในปี พ.ศ. 1893 และล่มสลายลงในปี พ.ศ. 2310 เนื่องจากการเสียกรุงครั้งที่ 2 ให้กับพม่า ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้มีการฟื้นฟู โบราณสถานในอยุธยาขึ้น ต่อมารัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้พระยาโบราณราชธานินทร์ ขุดและปรับแต่งโบราณสถานในอยุธยา
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2474 กรมศิลปากรได้ประกาศให้โบราณสถาน 69 แห่งในเกาะเมืองอยุธยาเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ จากนั้นในปี พ.ศ. 2519 มีการจัดทำโครงการอุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยาขึ้น เพื่อกรมศิลปากรจะได้เข้าไปขุดค้นและบูรณะโบราณสถานเหล่านั้น รวมพื้นที่ขณะนั้น 1,810 ไร่ ประกอบไปด้วย พระราชวังโบราณวัด, พระศรีสรรเพชญ์, วัดมหาธาตุ, วัดราชบูรณะ, วัดพระราม และวิหารมงคลบพิตร
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2534 อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร
ในปี พ.ศ. 2540 กรมศิลปากรได้ประกาศเพิ่มเนื้อที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยามีเนื้อที่ทั้งหมด 3,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานต่างๆ อาทิ พระราชวังจันทรเกษม กำแพงป้อมปราการกรุงเก่า วัดใหญ่ชัยมงคล วัดไชยวัฒนาราม วัดพนัญเชิง วัดกษัตราธิราชวรวิหาร หมู่บ้านโปรตุเกส หมู่บ้านฮอลันดา หมู่บ้านญี่ปุ่น เพนียดคล้องช้าง โบสถ์นักบุญยอเซฟ วัดพุทไธศวรรย์ วัดหน้าพระเมรุ
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาแม้มีพื้นที่ทั้งหมด 3,000 ไร่ แต่เป็นมรดกโลกเพียง 1,810 ไร่เท่านั้น เพราะพื้นที่ที่ประกาศเพิ่มเติมมาในปี พ.ศ. 2540 ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่ประการใด
สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา
วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดแห่งเดียวในอยุธยาที่อยู่ในพระราชวังโบราณ อีกทั้งยังเป็นวัดเดียวในอยุธยาที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และวัดพระศรีสรรเพชญ์นี่แหละที่เป็นต้นแบบของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว
วัดราชบูรณะ ในปี พ.ศ. 1967 เจ้าสามพระยาซึ่งขณะนั้นเสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 โปรดให้สร้างวัดราชบูรณะขึ้นในบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระศพเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา หลังจากที่ทรงสิ้นพระชนม์เนื่องจากการช่วงชิงราชบัลลังก์ กรมศิลปากรขุดพบเครื่องทองจำนวนมากใต้กรุภายในพระปรางค์ประธาน ปัจจุบันเครื่องทองถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสามพระยา
วิหารมงคลบพิตร วัดอารามหลวงในกำแพงเมือง ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระประธานของวิหารคือพระมงคลบพิตร สันนิษฐานว่าพระมงคลบพิตรถูกสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระไชยราชา ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามได้มีการบูรณะพระมงคลบพิตรครั้งใหญ่ และพบพระโบราณจำนวนมากอยู่ที่พระอุระด้านขวาของพระมงคลบพิตร ปัจจุบันพระพุทธรูปเหล่านั้น ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จันทรเกษม และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
วัดหน้าพระเมรุ วัดหน้าพระเมรุมีชื่อทางการว่า ‘วัดพระเมรุราชิการามวรวิหาร’ เป็นวัดสำคัญหนึ่งเดียวในอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าเผาทำลายเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 หน้าบันทำเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค แสดงว่าเป็นวัดพระอารามหลวง ผังวัดเปรียบโบสถ์เป็นเขาพระสุเมรุตามคติความเชื่อแบบอินเดียโบราณผสมกับแนวความเชื่อไทยพุทธช่วยกลางอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์
ค่าใช้จ่าย
ขึ้นอยู่กับสถานที่ มีตั้งแต่ 20-50 บาท หรืออาจซื้อบัตรรวม คนไทย 40 บาท ต่างชาติ 220 บาท สามารถเข้าชมวัดต่างๆ ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ วัดพระราม วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงค์
เวลาทำการ
ขึ้นอยู่กับสถานที่ มีตั้งแต่ 08.00 – 18.00 น. บางแห่งมีการฉายไฟและเก็บค่าเข้าชมตั้งแต่ 18.30-21.00 น.
เปิดทุกวัน
วิธีการเดินทาง
จากเทศบาลเมืองอยุธยามุ่งหน้าขึ้นเหนือโค้งขวาไปตามทาง เลี้ยวขวาเข้าซอยต้นโพธิ์ เลี้ยวขวาเขาถนนเทศบาลเมืองอโยธยา ที่วงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้มใช้ทางออกที่ 3 เข้าถนนอยุธยา-อ่างทอง ข้ามแม่น้ำป่าสัก ตรงมาตามถนนเส้น 309 จะพบวงเวียน ให้เลือกดังนี้
เลี้ยวขวาไปวัดมหาธาตุ ปราสาทสังข์ วัดสังข์ปัต
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนป่าโทน จากนั้นเลือกทางใดทางหนึ่ง ดังนี้
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนคลองท่อ เข้าใจกลางเกาะเมือง เช่าจักรยานปั่นชมอุทยาน
เลี้ยวขวาไปตามถนน 309 ไปวัดพระศรีสรรเพชญ์ วิหารมงคลบพิตร วัดพระราม
ท่านที่ไม่มีรถสามารถว่าจ้างรถตุ๊กตุ๊กๆ เที่ยวภายในอุทยานฯ ได้ด้วยค่าจ้างประมาณ 200 บาทต่อชั่วโมง หรือเช่าจักรยานในราคาไม่เกินวันละ 100 บาท