อุทยาน ร.2 King Rama II Memorial Park อาบกลิ่นอายแห่งยุคต้นรัตนโกสินทร์
สถานที่พักผ่อนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายในอดีต มีลมเย็นพัดผ่านตลอดเวลา มีผู้คนไม่พลุกพล่าน รวมถึงอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก King Rama II Memorial Park ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดในการเที่ยมชมโดยเด็ดขาด นอกจากจะเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญของจังหวัดสมุทรสงครามแล้ว ที่แห่งนี้ยังถูกสร้างขึ้นเป็นอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือเรียกกันว่า “อุทยาน ร.๒ เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานศิลปะอันงดงามไว้เป็นมรดกแก่ชาติ
ดื่มด่ำบรรยากาศในจินตนาการสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดี
ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาในเขตพื้นที่ของ King Rama II Memorial Park สิ่งแรกที่จะดึงดูดสายตาคือ สุมทุมพุ่มไม้ในวรรณคดี อาทิ ชบา กล้วยไม้ ช้องนาง และต้นโมก เป็นต้น หมู่มวลพรรณไม้เหล่านี้ต่างพร้อมใจกันแย้มกลีบ ชูช่ออาบแสงตะวันสีเหลืองนวลอันแสนสดใส มีลมเย็นพัดโชยมาเป็นระลอก ทำให้บรรยากาศโอบล้อมด้วยความร่มรื่น โดยมีกลิ่นหอมจาง ๆ คลุกเคล้ามาพร้อมกับสายลมอันแผ่วเบา ยิ่งลมพัดผ่านแรงเท่าใด ก็จะได้กลิ่นหอมหวนของดอกไม้ที่ตรึงใจชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ชวนให้หมู่นกและแมลงเริงร่าไปกับการอาบกลิ่นหอมนั้น จนต้องส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วกันมาเป็นระยะอย่างไม่ขาดสาย
เสน่ห์ของสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดี ไม่เฉพาะแค่เพียงพันธุ์ไม้ที่ร่มรื่นเท่านั้น แต่เป็นการนำตัวเองไปอยู่ในโลกของวรรณคดีไทยที่เรารู้จัก มีรูปหล่อตัวละคร ไม่ว่าจะเรื่องสังข์ทอง ไกรทอง รามเกียรติ์ ซึ่งเป็นงานปะติมากรรมตามบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยมีเสียงมหรสพแผดเสียงสะท้านกำซาบอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกว่า กำลังหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของวรรณคดีไทยได้อย่างอัศจรรย์
ซึมซับบรรยากาศยุคต้นรัตนโกสินทร์ ที่หาชมได้ยาก
เรือนไทย 5 หลังซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในโซนด้านใน จัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่ละลานตา เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย และหัวโขน นอกจากนี้ภายในเรือนไทย ยังได้จัดแสดงความเป็นอยู่ของชาวไทยในสมัยรัชกาลที่ ๒ ซึ่งล้วนมีมนต์สะกดเชิญชวนให้เดินเที่ยวชม ไปพร้อมๆ กับการได้เฝ้ามองลมหายใจอันเรียบง่ายและความน่าหลงใหลของผู้คนในยุคสมัยนั้น ราวกับหลุดหลงเข้าไปอยู่ในยุคเดียวกันก็มิปาน
บริเวณลานกว้างด้านหน้าเรือนไทย ประดับด้วยไม้กระถางบอนไซ และบริเวณชานเรือน จัดตามแบบบ้านไทยโบราณ ซึ่งตกแต่งด้วยกระถางไม้ดัด ไม้ประดับ อ่างบัว ถัดออกมาอีกหน่อย คือหอกลาง ภายในมีหุ่นขี้ผึ้งจำลองวิถีชีวิตของผู้หญิงในสมัยนั้น โดยจะแต่งกายด้วยชุดไทย นุ่งโจงกระเบน ห่มสไบให้เฉียงไปทางด้านซ้าย ต่างแสดงท่าทางด้วยอิริยาบถที่เรียบร้อยอยู่ภายในห้องนอน ไม่ว่าการรีดและอัดกลีบผ้าสไบ การนวดประคบ การแต่งองค์ทรงเครื่องที่โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งตกแต่งได้อย่างงดงาม ประณีต ไม่ว่าจะชม้อยสายตาชำเลืองมองไปทางใด ก็เป็นการยากที่จะละสายตาให้หยุดดูหุ่นขี้ผึ้งเหล่านี้ได้สักครั้งเดียว
ถัดออกมาที่เรือนอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมา วัฒนธรรม ประเพณี ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของอัมพวาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งประวัติของบุคคลสำคัญที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภออัมพวา เช่น หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ครูเอื้อ สุนทรสนาน ครูทูล ทองใจ เป็นต้น
มองจากส่วนพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา จะพบอาคารเรือนไทยหมู่ 9 หลัง ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ภายในประดิษฐานพระบรมรูปของพระองค์ท่าน และมีสื่อมัลติมีเดียเกี่ยวกับพระราชประวัติ รวมถึงพระอัจฉริยะภาพในด้านวรรณกรรมต่างๆ อาทิ ศิลปกรรม ดนตรีไทย นาฏศิลป์ จิตรกรรม และสถาปัตยกรรม นอกจากนี้ยังมีพระที่นั่งสนามจันทร์จำลอง (ศาลาทรงงาน) ให้เราได้ทราบถึงเรื่องราวพระราชกรณียกิจของพระองค์ ในยุคสมัยที่พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่
หอมกรุ่นขนมไทยโบราณ กับวิวอันแสนงามเพลินตา
เมื่อท้องเริ่มปั่นป่วน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าความหิวจะทำลายความสนุกในการพักผ่อน เพราะภายในเรือนไทยอาศรมศึกษา เรือนไม้โบราณอายุกว่า 100 ปี ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอุทยาน ร.2 ภายในมีขนมไทยโบราณให้ชมและชิมได้อย่างไม่มีวันหมด เช่น ข้าวต้มมัด ขนมถ้วย ขนมประเภทหม้อดิน ขนมในขวดโหล โดยจำลองบรรยากาศในอดีตได้ดีด้วยการใช้ภาชนะของใช้ในสมัยก่อนที่หาชมได้ยากในยุคปัจจุบัน เช่น ถ้วยชามสังกะสี โหลแก้ว และกระต่ายขูดมะพร้าว เป็นต้น
ใกล้กันนั้น พื้นที่ติดริมแม่น้ำแม่กลอง มีจุดชมวิว จุดถ่ายรูป และมีเรือประพาสสร้างมาจากไม้สักทั้งลำ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหลังอุทยาน ร.2 ใกล้กับฝั่งริมแม่น้ำ ภายในเรือไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อยืนบริเวณนี้คุณจะเห็นถึงวิถีชีวิตชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ ที่ห้อมล้อมไปด้วยบ้านเรือน มีเรือแล่นผ่าน เป็นเรือขายของแล่นเลาะเลียบมาเป็นระยะตามริมน้ำ ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการเฝ้ามองดูเงาของเรือกระทบกับเกลียวคลื่นลูกเล็ก ๆ ลอนลาดไปตามกระแสแม่น้ำแม่กลอง ราวกับสายน้ำแห่งนี้มีชีวิต
ช่องทางการติดต่อ
อุทยาน ร.๒ ตั้งอยู่ที่ถนนอัมพวา ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 75110
โทรศัพท์ : 034-751 666
โทรสาร : 034-751 376
เว็บไซต์ : http://www.kingrama2found.or.th/
อีเมล : [email protected]
ค่าใช้จ่าย
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท (สูงไม่เกิน 135 ซม.) และชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 60 บาท / เด็ก 60 บาท (สูงไม่เกิน 135 ซม.)
ยกเว้นค่าเข้าชม : สำหรับประชาชนในจังหวัดสมุทรสงคราม, นักเรียน, นักศึกษาของสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสงคราม, ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ต้องแสดงบัตรประชาชนแก่เจ้าหน้าที่, พระภิกษุ และสามเณร
เวลาทำการ
เปิดทุกวัน : เวลา 08.30 - 17.00 น.
วิธีการเดินทาง
โดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ หากขับรถไปเอง คุณสามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนสายธนบุรี-ปากท่อ (พระราม 2) ขับผ่านสี่แยกมหาชัย-นาเกลือ ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 63 จะมีทางแยกต่างระดับเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองสมุทรสงคราม หรือจะใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครก็ได้เช่นกัน
โดยรถไฟ จากสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ มีรถไฟสายวงเวียนใหญ่ - มหาชัย ออกทุกวัน ให้คุณลงที่สถานีมหาชัย แล้วต่อรถโดยสารประจำทางไปยังจังหวัดสมุทรสงคราม หรือต่อเรือข้ามฟากไปยังสถานีบ้านแหลม เพื่อขึ้นรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง ไปลงที่สถานีแม่กลอง แล้วต่อรถโดยสารท้องถิ่นมายังอุทยาน ร.2
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางกรุงเทพฯ-สมุทรสงคราม มีรถจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน
รถตู้ ขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ข้างห้างเดอะเซนจูรี่ สายกรุงเทพฯ-แม่กลอง