พิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้งไทย
พิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้งไทย เป็นศูนย์รวมประติมากรรมหุ่นขี้ผึ้งฝีมือคนไทยที่ใหญ่ที่สุด และมีอายุยืนยาวมากว่า 20 ปีแล้ว
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย สร้างขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2525 โดยอ.ดวงแก้วพิทยากร ศิลป์ ผ่านการทดลองสร้าง กว่าจะเป็นหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสที่มีคุณภาพคงรูปผ่านกาลเวลาแล้วไม่เสียหายอย่างทุกวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่นี่จึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ธำรงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ ศิลปะ ที่เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญแห่งหนึ่งในประเทศไทย
อาคารพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นสองชั้น มีหุ่นขี้ผึ้งแสดงทั้ง 2 ชั้น ทั้งหมดมี 144 รูป และยังคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ เชื่อว่าในอนาคต จะมีรูปหุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก
หุ่นขี้ผึ้งที่สำคัญ เด่น ๆ มี พระบรมรูปของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงค์จักรีในอิริยาบถยืน ปัจจุบันมีถึงรัชกาลที่ 9 อีกชุดก็คือ หุ่นคู่ของสมเด็จย่าพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประทับบนพระเก้าอี้มีพระพี่นางเธอในรัชกาลที่ 9 นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆ
ชุดพระอริยสงฆ์ เป็นโอกาสอันดีของชาวพุทธที่จะได้เห็นรูปปั้นเสมือนองค์จริงของพระสงฆ์ที่เคยได้รับความเลื่อมใสศรัทธาตั้งแต่อดีตนานมา หลายองค์ส่วนใหญ่เกิดไม่ทันในยุคที่ท่านมีชีวิตอยู่และมีชื่อเสียง แต่มาได้รับฟังเรื่องราวของท่านในภายหลัง ได้เห็นท่านจากภาพถ่าย การได้ไปชมหุ่นขี้ผึ้งที่สร้างขึ้นอย่างละเอียดประณีตเพื่อให้เหมือนหรือใกล้เคียงองค์จริงมากที่สุด จึงเป็นโอกาสดีงามของทุกคน หุ่นขี้ผึ้งกลุ่มนี้รวมเอาไว้ นับว่าเป็นคุณูปการของชาวพุทธผู้ใฝ่รู้ นอกจากนั้นยังมีหลวงจีนคณาณัติจีนพรต วัดทิพยวารีวิหาร, หลวงพ่อเปลื้อง วัดใหญ่ อยุธยา, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ, หลวงปู่โต๊ะ , ครูบาพรหมา, หลวงปู่ทวด , พระอาจารย์มั่น และครูบาศรีวิชัย เป็นต้น
มีการจัดห้องแสดงเป็นหมวดหมู่ ศิลปินไทยแขนงต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและยังเป็นที่กล่าวถึงแม้ในปัจจุบัน หรือบางท่านก็เริ่มหายไปจากการรู้จักของคนรุ่นหลังแล้ว อย่างครูพรานบูรพ์ ที่เคยมีชื่อเสียงเป็นเจ้าของละครร้องที่โด่งดังในอดีต ครูเอื้อ สุนทรสนาน ในท่าสีไวโอลิน เจ้าของ “สุนทราภรณ์” แนวเพลงชื่อดังที่ยังมีคนสืบต่อจนถึงปัจจุบัน และเพลงของท่านถูกนำมาขับร้องใหม่จนเป็นที่รู้จัก
บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านต่างๆ ของต่างประเทศ มหาตมคานธี ผู้นำการต่อสู้เพื่ออิสรภาพแบบอหิงสาของอินเดีย ที่โลกจารึกและจดจำอย่างวีรบุรุษระดับโลก เป็นตัวอย่างที่ถูกเล่าต่อ ถ่ายทอดเป็นหนังสือ ภาพยนตร์จนเป็นที่รู้จักแม้เด็กรุ่นหลัง นายพลเชอร์ชิล วีรบุรุษของคนอังกฤษ ศาตราจารย์ลินคอล์น ผู้ปลดปล่อยทาสชาวสหรัฐ ได้เห็นกระทั่งการแต่งกายประจำชนชาติในอดีตด้วย
ในห้องการละเล่นไทยก็น่าศึกษา ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆ ยุคไอทีที่รู้จักแต่เกมในหน้าจอสมาร์ทโฟน แทบจะไม่รู้จักการละเล่นเหล่านี้แล้ว เช่น รีรีข้าวสาร เล่นจ้ำจี้ เล่นแมงมุม ขี่ม้าชนกัน เด็กๆ ในสมัยโบราณที่ยังไว้จุก ไว้เปีย นุ่งโจงกะเบน ใส่เสื้อลาย นอกจากแสดงการละเล่นแล้วยังเป็นวัฒนธรรมกายแต่งกาย ที่เด็กรุ่นใหม่น่าจะได้เรียนรู้ ในด้านของผู้ใหญ่ มีการเล่นหัวล้านชนกัน การตั้งโต๊ะเล่นหมากรุก
ห้องแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีไทย แน่นอนที่ขาดไม่ได้และเป็นที่รู้จักถึงปัจจุบันคือ หุ่นขี้ผึ้งของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) ผู้แต่งวรรณคดีมีชื่อเสียงโดดเด่นของไทยอย่างพระอภัยมณี ที่นี่มีหุ่นขี้ผึ้งฉากสำคัญและตัวละครสำคัญในเรื่องดังกล่าว พระอภัยมณีเป่าปี่จนเหล่าพราหมณ์หลับใหล สุดสาครกับม้านิลมังกรของเขา นางยักษ์ นางเงือก ฤาษี ตัวละครสำคัญ เรื่องราวเหล่านี้เคยได้หล่อหลอมจิตใจผู้คนยุคเก่าให้มีความละเอียดอ่อน ตามท่วงทำนองกวี ด้วยความสุนทรีย์ของภาษา การได้เห็นอาจสร้างแรงบันดาลใจให้อยากอ่านเรื่องราวเหล่านั้น เป็นการธำรงรักษาวรรณคดีทรงค่าของไทย
ห้องแสดงวิถีชีวิตของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นยุคที่ยังมีทาส และทาสเป็นคนไม่มีอำนาจต่อรองต่อนาย สามารถถูกมัดโบยตีได้ และมีการขายมนุษย์ที่บางครั้งเกิดโดยพ่อแม่ที่เสียพนัน รวมถึงแสดงวิถีชาวบ้านยุคที่พ่อแม่ลูกไปไหนพร้อมหน้าพร้อมตา ทำมาหากินอยู่กับธรรมชาติ ไปทำงานก็แบกจอบ หอบกระบุง หอบเสื่อ กระเตงลูกเล็กไปด้วยกัน หรือครอบครัวขยายที่คน 3 รุ่นอยู่ด้วยกัน หลาน แม่ และยาย
ชุดพระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์พราหมณ์ก็งดงาม
ยังมีความน่าสนใจ หุ่นขี้ผึ้งที่นี่ เป็นประติมากรรมเหมือนมีชีวิต มีเรื่องราวชวนติดตาม และน่าขอบคุณผู้ริเริ่มสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บรักษาเรื่องราว ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมที่ควรศึกษาเอาไว้ หุ่นขี้ผึ้งชุดหนึ่งก็เป็นหนึ่งเรื่องราวที่ชวนติดตาม เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย
ที่ตั้ง
43/2 หมู่ 1 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ค่าใช้จ่าย
ผู้ใหญ่ 50 เด็ก 10 บาท พิเศษนักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ 20 นักบวช 20
เวลาทำการ
จันทร์-ศุกร์ 9.00-17.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.30-18.00 น.
วิธีการเดินทาง
1. เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ไปทางเส้นทางถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ผ่านชุมทางต่างระดับพุทธมณฑล ตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี ขับไปบนเส้นทางนี้ประมาณ 3 กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว
2. เดินทางโดยรถสาธารณะ นั่งรถทัวร์ หรือรถตู้ก็สะดวกดี เพราะสามารถขึ้นจากกรุงเทพฯ แล้วไปลงที่หน้าพิพิธภัณฑ์ได้เลย