วัดชัยวัฒนาราม อยุธยา
วัดชัยวัฒนาราม เป็นวัดหลวงที่บำเพ็ญพระราชกุศลและที่ถวายพระเพลิงเจ้านายทุกพระองค์ แม้แต่พระอัฐิเจ้าฟ้ากุ้งก็ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ วัดเดียวที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะเหนืออาณาจักรขอม ผังวัดจำลองมาจากนครวัด และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2535
วัดชัยวัฒนารามหรือวัดไชยวัฒนาราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 พระเจ้าประสาททองทรงดำริสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระราชมารดา เพราะที่แห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของพระราชมารดามาก่อน อย่างไรก็ดีนักวิชาการหลายท่านกลับเห็นว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่วัดชัยวัฒนารามจะถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกว่าครั้งหนึ่งอยุธยาเคยกำชัยชนะเหนือเมืองละแวก เมืองหลวงของอาณาจักรเขมร เพราะ
- วัดชัยวัฒนารามจำลองรูปแบบมาจากนครวัด
- เดิมวัดชัยวัฒนารามมีชื่อว่าวัดชัยชนะอารามเมืองละแวกถูกพระเนรศวรมหาราช พระปิตุลา (ลุง) ของพระเจ้าปราสาททองตีแตกในปี พ.ศ. 2136 จนสมเด็จพระสัตถากษัตริย์เขมรต้องหนีไปอยู่ล้านช้าง กระทั่งสมเด็จพระรามเชิงไพรรวบรวมคนขับไล่ทัพสยาม สมเด็จพระเนรศวรทรงส่งพระมหามนตรีไปทำศึกแต่พ่ายแพ้ เป็นเหตุให้เขมรประกาศอิสรภาพอีกครั้งในปี พ.ศ. 2138
- พระเจ้าปราสาททองทรงเคยรับราชการในตำแหน่งเจ้าพระยากลาโหม จึงเป็นไปได้ว่าจะทรงภูมิใจกับการที่อยุธยามีชัยเหนือเขมรในครั้งนั้น
นับแต่สร้างวัดขึ้นมา วัดชัยวัฒนารามก็เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลของกษัตริย์ทุกพระองค์และเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงกษัตริย์ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อีกด้วย นอกจากนี้วัดชัยวัฒนารามยังมีอีกหนึ่งความสำคัญคือ วัดแห่งนี้เป็นที่มาของพระนามสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แต่เดิมเมื่อครั้งขึ้นเสวยราชสมบัติ พระองค์ท่านทรงเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระเอกาทศรถอิศวรบรมนาถบรมบพิตร (พระนามเดียวกับพระราชบิดา) แต่หลังจากที่สร้างวัดชัยวัฒนารามแล้ว เนื่องจากยอดของปรางค์ประธานเปรียบเสมือนที่สถิตของปราสาทไพชยนต์วิมานตามคติความเชื่อแบบขอม อีกทั้งยังปิดทองทั่วทั้งองค์ ผู้คนจึงเรียกปรางค์ประธานของวัดชัยวัฒนารามว่า ‘’ปราสาททอง” และเรียกพระเจ้าอยู่หัวผู้โปรดให้สร้างปราสาททองนี้ว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททองด้วย
วัดไชยวัฒนารามเป็นหนึ่งในวัดที่ถูกเผาทำลายเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2474 วัดชัยวัฒนารามได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ และในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2535 วัดชัยวัฒนาราม ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด
พระปรางค์ประธานมีชื่อว่า “พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ” ปัจจุบันแม้พังทลายลงมาแล้ว แต่ก็ยังคงมีร่องรอยแห่งความยิ่งใหญ่ให้เห็นกันอยู่
การจัดเรียงปราสาทในเขตมณฑลจักรวาลตามคัมภีร์พระเวทย์เป็นศาสตร์การวางผังเมืองของอินเดียโบราณ ที่ขอมรับมาใช้ โดยในวัดชัยวัฒนารามนั้น ปรางค์ประธษนเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ยอดปรางค์คือปราสาทไพชยนต์วิมานที่ประทับของพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ปรางค์บริวารบนฐานเดียวกับปรางค์ประธานแทนสัตบริภัณฑ์คีรีในป่าหิมพานต์ เมรุทิศเมรุราย 8 องค์ แทนมหาทวีปทั้ง 4 และมหาสมุทรทั้ง 4 ระเบียงคดคือสุดเขตมณฑลจักรวาล ส่วนโบสถ์อยู่นอกระเบียงคด ถือเป็นสถานที่ของมนุษย์และสงฆ์ ไม่ใช่สถานที่ของเทพ
เมื่อขับรถมาตามถนน 3469 จะพบเจดีย์ดังกล่าวก่อนถึงซากโบสถ์และปรางค์ประธาน โดยเจ้าฟ้ากุ้งทรงเป็นยอดกวีของไทยพระองค์หนึ่งที่คนรุ่นใหม่หลายคนรู้จัก เมื่อไปถึงแล้ว ก็ควรจะแวะสักการะสักนิด
ค่าใช้จ่าย
ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าชมฟรี
เวลาทำการ
เปิดทุกวัน 7.30-16.00 น.
วิธีการเดินทาง
สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ จากเทศบาลเมืองอยุธยา ขับมาตามถนนเทศบาลเมืองอโยธยา ผ่านตลาดน้ำอโยธยา ที่วงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้มเลี้ยวขวาเข้าถนนอยุธยา-อ่างทอง เลี้ยวขวาเข้าถนนวาทะประภา เลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าถนนอู่ทอง เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3263 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3469 ขับตรงมาเรื่อยๆ ถึงวัดชัยวัฒนาราม ระยะทางจากเทศบาลเมืองอยุธยาถึงวัดชัยวัฒนาราม 9.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 19 นาที
สำหรับผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวสามารถเช่ารถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานขับขี่มาจากเทศบาลได้ หรือจะว่าจ้างรถตุ๊กตุ๊กก็ได้เช่นกัน